หากพูดถึงตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะคอนโดเชียงใหม่ตอนนี้ ต้องบอกว่าเลยว่าน่าจับตามองไม่แพ้อสังหาฯ แนวราบอย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเลยทีเดียว แม้ยอดสะสมคงเหลือในปี 63 ที่ผ่านมาจะมีตัวเลขที่สูง แต่ก็ยังเห็นภาพการลงทุนใหม่ของตลาดคอนโดเชียงใหม่เพิ่มขึ้น และเชียงใหม่ยังเป็นตลาดที่มีอัตราการซื้อขายสูงสุดในภาคเหนือ จนบางทีก็มีคำถามว่าสถานการณ์แบบนี้ทำไมยังมีการลงทุนเพิ่มอยู่นะ หรือถ้าอยากได้คอนโดเชียงใหม่ตอนนี้ยังน่าซื้อน่าลงทุนอยู่หรือเปล่า วันนี้เราจะมาวิเคราะห์ตลาดคอนโดเชียงใหม่กันว่าจะมีแนวโน้มไปในทิศทางไหนกันจ้า
. . . . . . . . . .
REIC ย้ำ “เชียงใหม่” ครองแชมป์ตลาดอสังหาฯ น่าลงทุน
ก่อนที่จะไปวิเคราะห์ตลาดคอนโดเชียงใหม่ เรามีชุดข้อมูลที่น่าสนใจจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เขาได้ออกมาบอกถึงสถานการณ์ของตลาดที่อยู่อาศัยภาคเหนือที่ประกอบไปด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก และตากไว้ว่า ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยภาคเหนือคาดว่ามีแนวโน้มเหลือขายสูงขึ้นจากปีที่แล้ว(2563) และจะมีหน่วยเหลือขายสะสมในปี’64 กว่า 15,721 ยูนิต มูลค่ารวม 58,247 ล้านบาท หน่วยที่เปิดขายใหม่ก็จะมาเป็นบวกกับครึ่งหลังปี’64 อีกประมาณ 31.9%
ด้านดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ก็ได้ออกมาบอกอีกว่า จังหวัดเชียงใหม่ก็มีแนวโน้มที่สินค้าสต๊อกเพิ่มขึ้นตั้งแต่ครึ่งหลังปี’63 และก็คาดว่าในปี’64 จะมีสต๊อกเหลือขายสะสมอีกจำนวนกว่า10,272 ยูนิต มูลค่ารวม 41,868 ล้านบาท ซึ่งก็เป็นผลมาจากแนวโน้มการเปิดโครงการใหม่ในปี’64 ที่มีมากขึ้น พอมีหน่วยเปิดใหม่กลับมาเป็นบวกในช่วงครึ่งหลังปี’64 ในอัตรา 35.6% สต๊อกสินค้าที่ถูกเติมเข้าไปหากเกิดถูกที่แต่ไม่เวลา ก็อาจจะส่งผลให้เกิดการบวมของจำนวนหน่วยเหลือขายสะสมสูงในปี’64 นี้ได้ แต่ในส่วนของตลาดอสังหาฯเชียงใหม่ยังเป็นตลาดที่ดีที่สุดของภาคเหนือ ซึ่งก็เหมาะแก่การลงทุนมากที่สุด เพราะยังมีแรงขับเคลื่อนของความต้องการซื้อในท้องถิ่น คาดว่าหลังการเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติได้กลับเข้ามาลงทุน บวกกับการบริการจัดการทางด้านสุขภาวะอนามัยที่ดีขึ้น ก็จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ตลาดดำเนินต่อไปได้ด้วยดีจ้า
ด้านนักลงทุนอสังหาฯในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างเช่น บริษัท อรสิริน โอลดิ้ง จำกัด ก็ออกมาบอกว่า
แม้ว่าตอนนี้ตลาดต่างชาติจะหายไปจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่กำลังซื้อในพื้นที่ยังคงมีอยู่ ถึงจะลดลงไปมากก็ตาม จำนวนซัพพลายใหม่ที่เข้ามาในตลาดยังคงมีน้อย ตลาดอสังหาฯเชียงใหม่ยังคงเป็นที่สนใจต่อคนในพื้นที่ นักลงทุน รวมทั้งชาวต่างชาติ ซึ่งลักษณะของการตัดสินใจซื้อ ผู้บริโภคจะต้องการเห็นสินค้าก่อนการตัดสินใจซื้อ และจริง ๆ แล้วลูกค้าเขาต้องการซื้อสินค้าแต่ด้วยข้อจำกัดจากการขาดรายได้ไปในช่วงโควิดระบาด ก็เลยทำให้มีผลต่อการยื่นกู้ธนาคารไม่ผ่านส่งผลให้อัตราการซื้อขายลดน้อยลงนั่นเอง ซึ่งการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อยังคงมีอยู่ อย่างเช่นการจัดแคมเปญลดราคาก็ช่วยให้เป็นการรักษากระแสเงินสด สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อในตลาดยังมีเพียงแต่ลูกค้ารอซื้อของถูก ยอมขายสินค้าในราคาที่ถูกลงประมาณ 10% เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้
ด้านสื่ออสังหาริมทรัพย์อย่างบริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด ก็ออกมาเผยข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ว่า อสังหาฯแนวราบประเภทบ้านระดับราคา 1-2 ล้านบาท ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น 2% ขณะที่ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียมระดับราคา 5-7 ล้านบาท ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น 12% และ 34% ตามลำดับ ส่วนทำเลที่ได้รับความสนใจมากที่สุดได้แก่ ทำเลสุเทพ 6.56% แต่ถ้าหากเปรียบเทียบว่าพื้นที่ทำเลไหนที่มีแนวโน้มการเติบโตในการเลือกอยู่อาศัยมากที่สุด ผลสำรวจที่ออกมาก็คือทำเลสันทรายน้อย ที่คิดเป็นอัตรากว่า 85% ขณะที่บ้านและทาวน์โฮมที่ได้รับความสนใจสูงสุดคือแบบ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ในอัตรา 31% และ 46% ตามลำดับ และคอนโดเชียงใหม่ในรูปแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และแบบสตูดิโอ ยังคงได้รับความสนใจมากถึง 46% เลยทีเดียว
คือโดยสรุปแล้วในบรรดาตลาดที่อยู่อาศัยของภาคเหนือ ตลาดอสังหาฯเชียงใหม่ยังคงมีความน่าลงทุนมากที่สุด ถึงแม้จำนวนสต๊อกสินค้าที่ถูกเติมเข้าในพื้นที่ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่หากผู้ประกอบรู้จังหวะและเวลาที่ดีของการทำธุรกิจ ก็เชื่อว่าแรงขับเคลื่อนทั้งจากในพื้นที่เองและชาวต่างชาติก็ยังคงให้ความสนใจ ทั้งนี้ก็จะต้องมีการบริหารจัดการด้านสุขภาวะอย่างมีระบบ จะยิ่งเป็นแรงส่งให้ตลาดอสังหาฯเชียงใหม่เดินหน้าต่อได้ด้วยดีนั่นเอง
. . . . . . . . . . .
วิเคราะห์ตลาดคอนโดเชียงใหม่ เชื่อว่ายังไปรอด
ก่อนจะดูว่าคอนโดเชียงใหม่นั้นจะไปรอดหรือไม่ เรามีบทวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจที่อยู่อาศัยต่างจังหวัด (6 จังหวัดหลักภูมิภาค) ปี 2564-2566 โดยวิจัยกรุงศรีมาบอกว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยแนวสูงหรือคอนโดมิเนียม ยังเป็นที่นิยมในจังหวัดหลักที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ได้แก่ ชลบุรี เชียงใหม่ และภูเก็ต เพื่อรองรับความต้องการของชาวต่างชาติ ซึ่งมีทั้งซื้อและเช่าเพื่อเป็นที่พักและบ้านหลังที่สองหรือเพื่อลงทุน ซึ่งในปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของ 3 จังหวัดรวมกันมีสัดส่วนถึง 31% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ขณะที่รายได้มีสัดส่วน 40% ของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด
ส่วนความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญช่วงหลังน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 ผนวกกับตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเริ่มอิ่มตัว มีการแข่งขันสูง และราคาที่ดินในทำเลศักยภาพปรับขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางและท้องถิ่นจึงหันมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในจังหวัดหลักมากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดเชียงใหม่ ชลบุรี ระยองและขอนแก่น ทำให้จำนวนโครงการคอนโดมิเนียมขยายตัวเร่งขึ้นในช่วงปี 2555-2556 ซึ่งในช่วงปี 2555 มีการขออนุญาตก่อสร้างคอนโดมีเนียมสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ขอบคุณภาพจาก : oknation.nationtv
ทั้งนี้ตลาดที่อยู่อาศัยใน 6 จังหวัดหลักนี้ก็ยังพัฒนาไปได้ไม่มากจึงมีโอกาสเติบโตสูงในระยะข้างหน้า โดยแต่ละทำเลจะมีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน อย่างเช่นจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มลูกค้าหลักก็จะเป็นคนไทย ส่วนต่างชาติจะมาจากชาวจีนที่นิยมเข้ามาลงทุนคอนโดเชียงใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาติเดียวกันที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่
กระทั่งมาถึงปี 2563 ธุรกิจที่อยู่อาศัยซบเซารุนแรงทั้งแนวราบและแนวสูง ผลก็มาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 นั่นเอง ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสะดุดลง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว อีกทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานก็มีความล่าช้า รวมถึงภาวะภัยแล้งรุนแรงในช่วงครึ่งแรกของปีกระทบกำลังซื้อต่างจังหวัด ตลอดจนความเชื่อมั่นผู้บริโภคเฉลี่ยต่ำสุดในรอบ 10 ปี ส่งผลให้ผู้ประกอบการชะลอการเปิดโครงการใหม่ ส่วนผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศชะลอการตัดสินใจซื้อ ทั้งเลื่อนและยกเลิกการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเพราะรายได้ที่หายไปและความไม่มั่นใจสถานการณ์ในอนาคต
อย่างที่ทราบกันดีว่าที่อยู่อาศัยแนวสูงอย่างคอนโดมิเนียมการฟื้นตัวค่อนข้างช้ากว่าแนวราบ โดยคาดว่าการเปิดโครงการใหม่จะหดตัวถึง 35.7% ในปี 2564 แต่ก็อาจจะกลับมาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอีก 2.0% ต่อปีในช่วงปี 2565-2566 อย่างไรก็ตาม ความต้องการขายคอนโดมิเนียมใหม่ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยองและภูเก็ตเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและภาคท่องเที่ยว ซึ่งในมุมของวิจัยกรุงศรีเขาก็มองว่าปี 2564-2566 ธุรกิจที่อยู่อาศัยของทั้ง 6 จังหวัดหลักในภูมิภาคจะทยอยฟื้นตัว ผู้ประกอบการจะได้อานิสงส์จากกำลังซื้อที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ แต่ยังไงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ก็ยังกดดันการเติบโตของที่อยู่อาศัยในจังหวัดที่พึ่งพาภาคท่องเที่ยวโดยเฉพาะโครงการแนวสูงอย่างเช่นคอนโดเชียงใหม่ คาดว่าอัตราการขายอาจจะอยู่ในระดับต่ำ และอาจมีต้นทุนส่งเสริมการตลาดเพิ่มขึ้นมากเพื่อกระตุ้นยอดขาย
สำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯขนาดกลางถึงเล็กในท้องถิ่นที่มีที่ดินสะสมอยู่ทุนเดิมก็มีแนวโน้มที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่วนรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์หรือจากส่วนกลางอย่างกรุงเทพมหานครก็เริ่มขยายตลาดมาเปิดขายโครงการแข่งกับผู้ประกอบการท้องถิ่นมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นทำโครงการคอนโดมิเนียมประเภท Low-rise ที่มีความสูงไม่เกิน 8 ชั้น ในขณะที่การลงทุนพัฒนาโครงการมีจำนวนมากขึ้นทำให้การแข่งขันสูงขึ้นตาม ซึ่งอาจจะสวนทางกับความต้องการซื้อโครงการแนวสูงที่ยังมีจำกัด ด้วยอัตราการทำกำไรอยู่ในระดับต่ำ อาจส่งผลให้ผู้ประกอบการรายกลาง-เล็กมีความเสี่ยงมากกว่านั่นเอง
มาดูภาพรวมของจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งก็อยู่ในแผนการพัฒนาเมืองทั้งด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น สนามบินแห่งที่ 2 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้นอกจากปัจจัยด้านการท่องเที่ยวแล้ว ด้านการอยู่อาศัยเชียงใหม่ยังเป็นหนึ่งในเมืองของโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเมืองน่าอยู่ เมืองทันสมัย ให้ประชาชนในเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข อย่างยั่งยืน นอกจากจะช่วยให้เชียงใหม่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ยังดึงดูดด้านการเป็นที่อยู่อาศัยแห่งที่สองสำหรับคนทำงานหรือผู้ที่มาประกอบธุรกิจในเชียงใหม่ได้ รวมถึงสามารถดึงเม็ดเงินลงทุนจากหลายภาคส่วนที่รวมภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้เชียงใหม่ยังถือเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภาคเหนือ ที่มีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่และโรงเรียนที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง จึงเรียกได้ว่าเชียงใหม่เป็นอีกเมืองท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่มีความครบถ้วนสำหรับการอยู่อาศัยที่น่าสนใจในอนาคตซึ่งจะส่งผลดีต่ออสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่เชียงใหม่อย่างมาก
ซึ่งจะว่าไปแล้วนี่ก็ถือเป็นจุดได้เปรียบของจังหวัดเชียงใหม่ สำหรับใครที่กำลังมองหาการลงทุนด้านอสังหาฯ โดยเฉพาะคอนโดเชียงใหม่ในยุคที่กำลังเผชิญกับวิกฤตของโรคระบาดนี้ ด้วยศักยภาพของเชียงใหม่และเป็นเมืองที่ไม่ว่าคนไทยหรือชาวต่างชาติต่างก็หลงรักในวิถีชีวิตและบรรยากาศของที่นี่ และยิ่งในวิกฤตเช่นนี้ถือเป็นโอกาสของผู้ซื้อที่จะได้ครอบครองอสังหาฯ ที่มีคุณภาพมาไว้ในมือ โดยเฉพาะคอนโดเชียงใหม่ที่มีให้เลือกมากมายหลายทำเลและหลากราคา ซึ่งหากลองค้นหาในอินเตอร์เน็ตว่าคอนโดเชียงใหม่ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท เชื่อว่ายังมีให้เห็นอยู่มากมาย เพราะปัจจุบันนอกจากจะมีนักลงทุนอสังหาฯ เจ้าใหญ่ของท้องถิ่นแล้ว ยังมีกลุ่มนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จากส่วนกลางเข้ามาพัฒนาโครงการคอนโดเชียงใหม่มากขึ้นเช่นกัน
ด้วยข้อได้เปรียบของราคาที่ดินที่ไม่ได้สูงมากเท่ากับคอนโดในหัวเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร บวกกับการพัฒนาคอนโดเชียงใหม่ส่วนมากจะจับทำเลที่มีศักยภาพสูงของจังหวัดอย่างเช่นใกล้กับห้างสรรพสินค้า ใกล้สถานศึกษา และกระจายไปยังพื้นที่ถนนวงแหวนรอบกลางซึ่งแม้จะไม่ใช่ใจกลางเมืองแต่ก็เป็นทำเลที่สามารถเดินทางเข้าออกตัวเมืองได้สะดวกสบาย และยิ่งในภาวะปัจจุบันที่หลายโครงการคอนโดเชียงใหม่อาจได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ภาวะเศรษฐกิจหรือกำลังซื้อที่อาจจะชะลอการตัดสินใจ ยิ่งทำให้ต้องเพิ่มการส่งเสริมการขายมากขึ้น ทั้งลดแลกแจกแถม หลายโครงการออกมาลดราคาขายถึง 10-15% ยิ่งทำให้ผู้ซื้อมีโอกาสได้คอนโดเชียงใหม่ที่อยู่ในทำเลศักยภาพในราคาที่ถูกลง ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือเตรียมไว้สำหรับการลงทุนปล่อยเช้าในอนาคตก็ถือว่าคุ้ม
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อาจจะมีเงินเก็บและอยากจะลงทุนอสังหาฯ ในรูปแบบการปล่อยเช่าในจังหวัดเชียงใหม่ เพราะจากข้อมูลความต้องการด้านที่อยู่อาศัยด้านบนที่บอกว่า ตลาดในปัจจุบันคือกลุ่มของผู้ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง แม้จะใช้เวลาในการตัดสินใจนานขึ้นมาหน่อยแต่ก็ยังแสดงให้เห็นว่าปัจจุบันยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่อยู่ ซึ่งความต้องการที่อยู่อาศัยแบบแนวราบและแนวสูงอย่างคอนโดเชียงใหม่มีตัวเลขที่สูสีกับเลยทีเดียวและหากในอนาคตที่บ้านเราสามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ สถานการณ์รวมถึงการท่องเที่ยวของจังหวัดกลับมา เชื่อว่าสำหรับแนวโน้มของการลงทุนในภาคอสังหาฯในพื้นที่โดยเฉพาะคอนโดเชียงใหม่แล้ว คาดว่ายังไปก็ไปรอดได้อย่างแน่นอนก่อนปิดท้ายเรายังมีรีวิวคอนโดเชียงใหม่ที่น่าสนใจมาฝากสำหรับคนที่กำลังมองหาการลงทุนหรือซื้ออยู่เองของคอนโดเชียงใหม่ ในราคาเริ่มต้นล้านกว่าๆ ไปดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง
. . . . . . . . . .
โครงการคอนโดเชียงใหม่
คอนโดเชียงใหม่ โครงการเอสเซ็นท์ พาร์ควิลล์ เชียงใหม่

คอนโดมิเนียมโครงการเอสเซ็นท์ พาร์ควิลล์ เชียงใหม่ คอนโด Low-rise พัฒนาโดยบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ภายในบริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางไปสนามบินเชียงใหม่ประมาณ 10-15 นาที จุดเด่นอยู่ที่ทำเลใกล้แหล่งรวมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ออกแบบสไตล์รีสอร์ทกลิ่นอาย Colonialail ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียว บนพื้นที่โครงการกว่า 8 ไร่ มีอาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้้น จำนวน 2 อาคาร ห้องพักอาศัย 450 ยูนิต และอาคารที่จอดรถ 4 ชั้นอีก 1 อาคาร สามารถจอดรถได้เกือบ 300 คัน มีอาคารคลับเฮ้าส์, สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่มี Jacuzzi, ลานวิ่งออกกำลังกายกลางแจ้งและห้อง Steam Room ที่แยกหญิง-ชาย
โครงการมีห้องพัก 3 แบบให้เลือก ทั้ง Studio Type ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 24 – 25 ตารางเมตร, แบบ 1Bedroom Type ขนาด 27.96 – 30.34 ตารางเมตร และแบบ 2 Bedrooms Type ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 55 – 58 ตารางเมตร ราคาก็เริ่มต้นเพียง 1.69 ล้านบาท
คอนโดเชียงใหม่ โครงการ ดิ อิสสระ เชียงใหม่

โครงการคอนโด ดิ อิสสระ เชียงใหม่ พัฒนาโดยบริษัท ชาญอิสสระวิภาพล จำกัด บริษัทในเครือชาญอิสสระตั้งอยู่บนทำเลแยกรวมโชค ติดถนนวงแหวนรอบ 2 สะดวกสบายในการเดินทาง ตั้งอยู่แยกรวมโชคย่านธุรกิจเมืองเชียงใหม่ ใกล้โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ตลาด สนามบิน และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟส
โครงการ ดิ อิสสระ เชียงใหม่ เป็นคอนโดมิเนียม Low-rise สูง 7 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 265 ยูนิต ที่ออกแบบในสไตล์รีสอร์ต เน้นการออกแบบโดยให้พื้นที่กว้างขวาง มาพร้อมวิวสระว่ายน้ำ ให้ผู้พักอาศัยได้รู้สึกถึงความผ่อนคลาย และพักผ่อนอย่างเต็มที่ โครงการที่มาพร้อมกับจุดเด่นด้านเทคโนโลยี Smart Function สั่งงานด้วยเสียง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัย พร้อมทั้งพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน รองรับกับรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) กับราคาเริ่มต้น 2.3 ล้านบาท
คอนโดเชียงใหม่ โครงการ ซู คอนโดมิเนียม

โครงการ ซู คอนโดมิเนียม โครงการที่พัฒนาโดยบริษัท โมโนลิท พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ตั้งอยู่บนถนนมหิดล บริเวณสี่แยกหนองหอย ห่างจากถนนใหญ่ทำให้มีความสงบไม่พลุกพล่าน และอยู่ใกล้กับสถานที่ที่ทำใช้ชีวิตเกิดความสะดวกสบายมากขึ้น เช่น โรงเรียนวารีเชียงใหม่, เชียงใหม่ 89 พลาซ่า, บิ๊กซีดอนจั่น, สถานีตำรวจภูธรแม่ปิง, ตลาดสดหนองหอย และสวนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี
เนื้อที่โครงการกว่า 3 ไร่ มี 4 อาคาร สูง 4 ชั้น จำนวน 145 ยูนิต มีแบบห้องทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่ Room Type A พื้นที่ใช้สอย 50 ตารางเมตร และ Room Type B พื้นที่ใช้สอย 35 ตารางเมตร การจัดพื้นที่ใช้สอยถือว่าออกแบบได้ลงตัวสำหรับพื้นที่ห้องที่มีอยู่อย่างจำกัด ทุกห้องมีระเบียงทำให้ไม่อึดอัด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางครบครัน ตั้งแต่ สระว่ายน้ำระบบเกลือ สวนหย่อม ห้องฟิตเนส ร้านกาแฟและร้านซักอบรีดในโครงการ และมีระบบความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ในราคาเริ่มต้น 1.9 ล้านบาท
คอนโดเชียงใหม่ โครงการ ดีคอนโด ริน เชียงใหม่

โครงการ ดีคอนโด ริน เชียงใหม่ ที่พัฒนาโดยบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) คอนโดมิเนียมติดห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่ บนพื้นที่ 4 ไร่ อาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร 411 ยูนิต ประกอบด้วยห้องพัก 3 ฟังก์ชัน แบบ Fully Furnished ตั้งแต่ห้องสตูดิโอ พื้นที่ประมาณ 28 ตารางเมตร แบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ประมาณ 32 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ประมาณ 52 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท (ณ วันเปิดขาย) ภายในโครงการยังมี Private Walk Way ทางเดินส่วนตัวเฉพาะลูกบ้านดีคอนโดที่เชื่อมสู่ห้างเซ็นทรัลฯ พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
. . . . . . . . . .
เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่สนใจการลงทุนอสังหาฯโดยเฉพาะคอนโดเชียงใหม่หรือแม้การจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง มองว่าในเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับผู้ซื้อที่มีช้อยส์มาให้ได้เลือกมากขึ้น ทั้งโปรโมชั่น ราคา ทำเลต่างๆ แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อหรือลงทุนคอนโดเชียงใหม่ อย่าลืมที่ศึกษาและหาข้อมูลกันให้ดีๆ กันด้วยนะจ๊ะเพราะทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ครั้งหน้าเราจะนำความรู้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย อะไรมาฝากกันอีก อย่าลืมติดตามได้ที่เว็บไซต์ข่าวสารอสังหาฯ และการลงทุนคอนโด ของเรานะคะ